การสังเกตว่าร่างกายขาดโปรตีนหรือไม่ ดูได้จากการมีอาการบวมตามขา ลักษณะที่แสดงชนิดของการบวมที่เกิดจากร่างกายขาดโปรตีนคือ เวลากดไปที่หน้าแข้ง จะมีรอยบุ๋มอยู่เป็นเวลาค่อนข้างนาน กว่าจะกลับคืนมาเป็นปกติ ต่างจากอาการบวมจากภาวะน้ำเกิน ซึ่งจะกดแล้วบุ๋มอยู่ไม่นาน
สิ่งสกปรกหรือสารชีวเคมี ที่แปลกปลอมอยู่ในร่างกายคนเรานั้น มีทางระบาย หรือขับออกจากอวัยวะของคนเราได้ประมาณ 5-6 ทางได้แก่ ปัสสาวะ อุจจาระ ลมหายใจออก เหงื่อ น้ำตา น้ำมูก เสลด
แต่ที่สามารถทั้งฟอกและขับถ่ายออกได้ตลอดเวลา คือช่วงการหายใจเข้าและออก เพราะเราต้องหายใจเข้าและหายใจออกทุกวินาทีอยู่แล้ว รองลงมาจึงเป็นปัสสาวะประมาณ 6-8 ครั้งต่อวัน อุจจาระประมาณ 1-2 ครั้งต่อวัน น้ำตา , น้ำมูก , เสลด และเหงื่อ นานๆ ครั้ง
หลังจากเป็นมะเร็ง ร่างกายจะผ่ายผอมอย่างรวดเร็ว ท้องเสียเป็นประจำ การดูดซึมอาหารไม่ดี ไม่เจริญอาหาร แทบจะไม่กินอะไร ทำให้สูญเสียเกลือแร่ น้ำ และสารอาหารอย่างรวดเร็ว ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนหรือท้องเสียก็จะยิ่งสูญเสียสารเหล่านี้มาก
โรคที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ที่กลับมาทำร้ายร่างกายเรา แทนที่จะคอยป้องกันโรคให้กับเรา เช่น SLE รูมาตอยด์ สะเก็ดเงิน หนังแข็ง เบาหวานชนิดที่ 1
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเหล่านี้มากขึ้นกว่าในอดีตมาก สาเหตุสำคัญในการเกิดโรคเหล่านี้มาจากความเครียด การรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตที่ผิดธรรมชาติ ไตเสื่อมที่เกิดจากภูมิคุ้มกันกลับมาทำร้ายไตของเราเอง ก็เป็นโรคในกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน
สาเหตุที่ทำให้ไตเสื่อม ที่พบได้บ่อยรองลงมาจากโรคเบาหวาน ก็คือโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ไตเสื่อมเนื่องจาก
ไขมันตัวร้าย ไม่ใช่คลอเรสเตอรอลตามที่เราเข้าใจกัน แต่มันคือ ไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์เกิดจากการเอาน้ำมันไม่อิ่มตัวมาใช้ทอด หรือผัดอาหาร ซึ่งจะทำให้เกิดการเติมอะตอมไฮโดรเจนเข้าไปในโมเลกุลตรงตำแหน่งที่ไม่อิ่มตัว จนเกิดเป็นไขมันอิ่มตัวแบบผิดธรรมชาติ ซึ่งก็คือไขมันทรานส์ หรือ เกิดจากการเอาไขมันไม่อิ่มตัว มาเติมโฮโดรเจน ด้วยวิธีการทางอุตสาหกรรม ในการผลิตครีมเทียมและเนยเทียม
จะคัดเลือดมาเฉพาะอาหารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งในร่างกายเราอย่างชัดเจน และยังคงเป็นอาหารที่คนทั่วไป นิยมทานกันในปัจจุบัน
นอกจากอาหารที่มีน้ำตาลสูง จะก่อให้เกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือดแล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็งในร่างกายเราด้วย
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสไตเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป คือ
สาเหตุที่พบได้บ่อยมากที่สุด ที่ทําให้ไตของคนเราเสื่อมก็คือ โรค เบาหวาน ... ทำไมโรคเบาหวานจึงทําให้ไตเสื่อม คำตอบคือ ไตเสื่อมจากการควบคุมระดับนําตาลในเลือดได้ไม่ดี
โรคอ้วนมี 2 แบบ คือ
1. อ้วนทั้งตัว เป็นการอ้วนที่มีลักษณะ... มีไขมันกระจายสะสมอยู่ ใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ทั่วทั้งตัว
2. อ้วนลงพุง เป็นการอ้วนที่มีลักษณะ... มีไขมันไปสะสมอยู่ในบริเวณช่องท้อง (Abdominal Fat) จํานวนมาก...ไขมันในบริเวณช่องท้อง ซึ่งจะมีโทษต่อร่างกายมากกว่าไขมันใด้ผิวหนัง
การดูแลสุขภาพเพื่อป้องกัน หรือสู้กับโรคมะเร็ง มีหลักการที่สำคัญคือ “เอาพิษออก อย่าเอาพิษเข้า” ต่อจากนั้นจึงบำรุงร่างกาย และดูแลร่างกายตามหลักโภชนบำบัด การขับพิษมี 4 ประการหลัก คือ อุจจาระ ปัสสาวะ หายใจ และเหงื่อ
ซูคราโลสเป็นสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน โดย 1 ส่วนของซูคราโลสให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายขาวประมาณ 600 เท่า ดังนั้นถ้าชงกาแฟ 1 ถ้วยถ้าใช้น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชาก็จะให้ความหวานเท่ากับซูคราโลส 0.00333 ช้อนชา (หรือน้ำตาลทรายขาวเพียง 5 เม็ดเท่านั้นเอง) แต่ยังคงให้รสชาติหวานและไม่มีรสขมติดลิ้นใกล้เคียงน้ำตาล ซูคราโลสมีลักษณะเป็นผลึกแข็งสีขาวร่วน ละลายน้ำได้ดีและสามารถใช้ปรุงอาหารร้อนบนเตาได้โดยไม่สูญเสียความหวาน
มีเกณฑ์กำหนดไว้ที่เป็นที่นิยมคือการหาค่า B.M.I
👉 ค่า B.M.I. น้อยกว่า 18.5 = ผอมเกินไป
👉 ค่า B.M.I. เท่ากับ 18.5−< 23 = รูปร่างปกติ
👉 ค่า B.M.I. ระหว่าง 23 - 👉 ค่า B.M.I. ระหว่าง 25-30 = โรคอ้วนระดับที่ 1
👉 ค่า B.M.I. ตั้งแต่ 30-39 = โรคอ้วนระดับที่ 2
👉 ค่า B.M.I. ตั้งแต่ 40 ขึ้นไป = โรคอ้วนระดับที่ 3
ผักที่มีค่าฟอสฟอรัส หรือโพแทสเซี่ยมสูง ได้แก่ กะเพราะแดง ผักหวานป่า ผักไผ่ ผักแพงพวย และใบเหลี่ยง
ผลไม่ที่มีค่าโพแทสเซี่ยมสูง เช่น ทุเรียน ตะขบ เชอรี่นอก อินทผาลัม ลูกพลับแห้ง ลำไยแห้ง ลูกเกด ลูกพรุนอบแห้ง
ด้วยความปรารถนาดีจาก อะมิโนวิต เป็นอาหารทดแทนโปรตีนจากธรรมชาติ เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง เบาหวาน ไตเสื่อม รวมถึงโรค NCDs โดยเฉพาะ
อะมิโน วิต 1 ซอง มีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการทั้ง 20 ชนิด ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องย่อย และไม่ก่อให้เกิดของเสียตกค้างในร่างกาย
ผู้ที่ไตเสื่อมจนมีอาการผิดปกติ แสดงออกให้สังเกตุได้ จะเป็นผู้ป่วยไตเสื่อมในระยะท้ายๆ แล้ว อาการที่พบได้บ่อย เช่น
ค่าไต กลับมาดีขึ้นได้ 💪 อะมิโน วิต ยืนหนึ่งเรื่องโรคไต วิจัยและพัฒนาโดย นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์
เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และนมสัตว์เป็นอาหารที่ย่อยยาก จะเน่าเสียและตกค้างในลำไส้เป็นเวลานาน
เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขไต้หวันมีข้อมูลเรื่องการบริโภคอาหารอย่างฉลาดเพื่อป้องกันมะเร็งดังนี้
ในปัจจุบัน รูปแบบของอาหารเปลี่ยนไปจากเดิมมาก คนส่วนใหญ่นิยมบริโภคอาหารโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว และเห็ดต่างๆ แต่ถ้ารับประทานมากจนเกินไป ไตจะต้องทำงานหนัก เพื่อขับของเสียที่เกิดจากการย่อยสลายโปรตีน และการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย
การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงๆ จะเป็นภาระหนักทั้งของตับและไต เพราะตับต้องเปลี่ยนแอมโมเนียให้เป็นยูเรีย และไตต้องขับยูเรียออกมาทางปัสสาวะ
ผู้ป่วยโรตไตเสื่อม จะต้องลดปริมาณการทานโปรตีนจากธรรมชาติลง เพราะถ้าเรายิ่งรับประทานมาก ไตก็ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น
ทางออกที่ดีมาก และปลอดภัยต่อผู้ป่วย คือการใช้กรดอะมิโนเข้าไปชดเชยปริมาณโปรตีนจากอาหารที่ลดลง